ระบบการทำงานของเครื่อง Chiller อันมีเอกลักษณ์ เพื่อการใช้งานที่ ตอบโจทย์โรงงานอุตสาหกรรมสภาพแวดล้อมต่างๆ

เครื่องชิลเลอร์ (Chiller) มีการออกแบบและจำแนกออกเป็นหลายประเภท เนื่องจากแต่ละระบบถูกพัฒนาให้ตอบสนองระดับความเย็นที่แตกต่างกัน รวมถึงขนาดของงานและงบประมาณที่หลากหลาย เพราะสภาพแวดล้อมของโรงงานอุตสาหกรรมละวัตถุประสงค์ของการทำความเย็นที่ไม่เหมือนกัน Chiller โดยประเภท Chiller จาก Siam seimitsu มีดังนี้

• คอนเดนเซอร์ (Comdener) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการระบายความร้อนให้กับสารทำความเย็น ที่ถูกส่งมาจากตัวคอมเพรสเซอร์ 

• อีวาพอเรเตอร์ (Evaporator) มีหน้าที่ในการถ่ายเทความเย็นของสารทำความเย็น เพื่อเปลี่ยนสถานะความเย็น

• คอมเพรสเซอร์ (Compressor) คือ อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ดูดและส่งพลังแรงดันให้กับสารทำความเย็น

• เอ็กเพนชั่นวาล์ว (Expension valve) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมปริมาณสารทำความเย็นที่ไหลเข้าไปในชุดของ อีเวปโปเรเตอร์ (Evaporator) มีหน้าที่ในการช่วยลดแรงดันของสารทำความเย็นและให้เปลี่ยนสถานะจนเกิดความเย็นขึ้น

ความแตกต่างของเครื่อง Chiller ทั้ง 4 ประเภท

Chiller ทั้ง 4 ประเภทมีระบบการทำงาน เพื่อสร้างความเย็นที่แตกต่างกัน ทำให้การเข้าใจวัตถุประสงค์ช่วยวิเคราะห์การเลือกซื้อ Chiller ที่เหมาะแก่อุตสาหกรรม เพราะความแตกต่างด้านระบบการทำงาน โครงสร้างเทคโนโลยี และพลังงาน  

1. ความแตกต่างด้านระดับความเย็น 

ระดับความเย็นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ใช้กำหนดประเภทของเครื่องชิลเลอร์ เพราะในแต่ละอุตสาหกรรมต้องการอุณหภูมิที่ไม่เหมือนกัน เครื่องชิลเลอร์จึงถูกออกแบบให้สามารถรองรับช่วงอุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ระดับน้ำเย็นทั่วไปไปจนถึงการทำความเย็นในระดับติดลบ ดังนี้

• ระบบน้ำเย็นทั่วไป (7°C – 12°C)
  เป็นระบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า หรือสถานที่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ในช่วงสบายต่อการอยู่อาศัย ระบบนี้จะผลิตน้ำเย็นเพื่อส่งต่อให้กับเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร (Air Handling Unit – AHU หรือ Fan Coil Unit – FCU) เพื่อหมุนเวียนสร้างความเย็นทั่วพื้นที่
  
• ระบบทำความเย็นระดับต่ำ (-10°C ถึง -40°C)
  มักใช้ในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการความเย็นสูง เช่น โรงงานแปรรูปอาหาร ห้องเย็นจัดเก็บสินค้า หรือสายการผลิตที่ต้องรักษาอุณหภูมิคงที่ในระดับต่ำมาก เครื่องชิลเลอร์ประเภทนี้จะใช้สารทำความเย็นที่มีคุณสมบัติพิเศษในการรักษาความเย็นต่อเนื่องโดยไม่เกิดการแข็งตัวของของเหลวภายในระบบ
  
• ระบบพิเศษแบบไกลคอล (Glycol Chiller System)
  เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อรองรับอุณหภูมิต่ำมากกว่าจุดเยือกแข็งของน้ำ โดยใช้สารละลายไกลคอล (Glycol Solution) ผสมในระบบ เพื่อป้องกันน้ำแข็งเกาะในท่อหรืออุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน เหมาะสำหรับงานในโรงงานผลิตเครื่องดื่ม เบียร์ หรือกระบวนการทางเภสัชกรรมที่ต้องการอุณหภูมิแม่นยำระดับสูง

2. ความแตกต่างด้านโครงสร้างและเทคโนโลยี

เครื่องชิลเลอร์แต่ละระบบใช้กลไกและเทคโนโลยีภายในที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะในส่วนของ คอมเพรสเซอร์ (Compressor) และ คอนเดนเซอร์ (Condenser) ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการสร้างและระบายความเย็น ความแตกต่างของอุปกรณ์ทั้งสองส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ การบำรุงรักษา และอายุการใช้งานของระบบ

3. ความแตกต่างด้านงบประมาณและประสิทธิภาพพลังงาน

ต้นทุนของเครื่องชิลเลอร์สัมพันธ์โดยตรงกับขนาดของระบบและเทคโนโลยีที่ใช้ ระบบที่มีราคาติดตั้งต่ำมักมีค่าไฟฟ้าสูงกว่า ในขณะที่ระบบขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงจะให้ผลตอบแทนระยะยาวจากการประหยัดพลังงาน

ประเภท	ต้นทุนติดตั้ง	การใช้พลังงาน	เหมาะกับงาน
Air-Cooled Chiller	ต่ำ	สูงเมื่ออากาศร้อน	อาคารสำนักงานและโรงแรม
Water-Cooled Chiller	ปานกลางถึงสูง	ประหยัดพลังงานในระยะยาว	โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
Centrifugal Chiller	สูงมาก	มี COP สูงสุด	อาคารสูงและระบบขนาดใหญ่

ผลกระทบของการเลือกใช้ Chiller โดยพิจารณาความแตกต่าง เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม

ความแตกต่างของเครื่องชิลเลอร์ในแต่ละประเภท นำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันในด้าน ทำให้การเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะงาน เป็นการลงทุนเพื่อประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาวของทั้งระบบ ด้วยผละกระทบดังนี้

ระดับประสิทธิภาพของระบบ 

เครื่องชิลเลอร์แต่ละประเภท เช่น Air-Cooled  Water-Cooled  Screw  หรือ Centrifugal ถูกออกแบบให้มีสมรรถนะการทำงานที่ตอบโจทย์ลักษณะการใช้งานเฉพาะด้าน โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกให้เหมาะกับภาระความเย็น (Cooling Load) ของตนเองได้อย่างเหมาะสม

• ระบบขนาดใหญ่ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรืออาคารสูง มักต้องการการทำความเย็นต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ระบบที่เหมาะสมคือ Water – Cooled Chiller หรือ Centrifugal Chiller เนื่องจากสามารถให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นที่คงที่และมีค่าใช้พลังงานต่อหน่วยต่ำ แม้จะมีต้นทุนติดตั้งสูงกว่า
• ระบบขนาดเล็ก เช่น อาคารสำนักงานทั่วไป มักเลือกใช้ Air- Cooled Chiller เพราะติดตั้งง่าย ไม่จำเป็นต้องมีหอหล่อเย็น (Cooling Tower) และมีขั้นตอนการบำรุงรักษาน้อย

การเลือกระบบให้ตรงกับลักษณะการใช้งานเช่นนี้ ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างเสถียรและใช้พลังงานได้อย่างคุ้มค่า ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบทำความเย็น

ค่าใช้จ่ายพลังงานและการบำรุงรักษา

ความแตกต่างทางเทคโนโลยีของชิลเลอร์แต่ละแบบย่อมส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งในด้านการใช้พลังงานและการดูแลรักษาอุปกรณ์

• Air-Cooled Chiller มีต้นทุนการติดตั้งเริ่มต้นต่ำกว่า แต่จะใช้พลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิภายนอกสูง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนความร้อนลดลง
  
• Water-Cooled Chiller มีต้นทุนการติดตั้งสูงกว่า แต่ประหยัดพลังงานในระยะยาว เนื่องจากน้ำสามารถดูดซับและระบายความร้อนได้ดีกว่าอากาศ ทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพมากกว่า
  
• Centrifugal Chiller ซึ่งใช้ในระบบขนาดใหญ่ ต้องการการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์เฉพาะทาง แต่ให้ค่าประสิทธิภาพทางพลังงาน (Coefficient of Performance) สูงที่สุดในกลุ่มชิลเลอร์ทั้งหมด

ความเสถียรของอุณหภูมิและคุณภาพของผลผลิต

ในอุตสาหกรรมที่ต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างละเอียด เช่น โรงงานยา โรงงานอาหาร ห้องปฏิบัติการ หรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระบบชิลเลอร์ที่เลือกใช้มีผลโดยตรงต่อคุณภาพของสินค้าและกระบวนการผลิต

• Screw Chiller และ Centrifugal Chiller มีจุดเด่นในด้านการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ต่อเนื่อง แม้ภาระโหลดจะเปลี่ยนแปลง จึงเหมาะกับงานที่ต้องการความเย็นที่มีความแม่นยำสูง
  
• ส่วน Air-Cooled Chiller แม้มีข้อดีด้านความสะดวกในการติดตั้ง แต่จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศภายนอกมากกว่า ส่งผลให้อุณหภูมิอาจแกว่งและไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเสถียรอย่างยาวนาน

ดังนั้น ความแตกต่างของระบบเหล่านี้ไม่เพียงมีผลต่อสมรรถนะของเครื่องเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความต่อเนื่องของกระบวนการผลิตและความเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าโดยตรง

ความแตกต่างที่ส่งผลต่อการออกแบบระบบและพื้นที่ติดตั้ง

อีกหนึ่งผลลัพธ์ของความแตกต่างระหว่างชิลเลอร์แต่ละประเภท คือรูปแบบของการออกแบบและพื้นที่ติดตั้งระบบ ซึ่งต้องพิจารณาควบคู่กับโครงสร้างของอาคารหรือโรงงาน

• Air-Cooled Chiller สามารถติดตั้งภายนอกอาคารได้โดยไม่ต้องมีระบบหล่อเย็นเสริม เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด เช่น ดาดฟ้าอาคารหรือภายนอกโรงงาน
  
• Water-Cooled Chiller จำเป็นต้องมีระบบท่อน้ำ ปั๊มน้ำ และหอระบายความร้อน จึงเหมาะกับพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่หรืออาคารที่สามารถรองรับระบบท่อได้ครบถ้วน
  
• ระบบอุณหภูมิต่ำแบบ Glycol Chiller ต้องคำนวณระบบท่อและการป้องกันการแข็งตัวของของเหลวอย่างละเอียด เพื่อป้องกันความเสียหายของอุปกรณ์และเพิ่มความปลอดภัยของระบบโดยรวม

อายุการใช้งานและความคุ้มค่าระยะยาว

ระบบชิลเลอร์ที่ถูกออกแบบและเลือกใช้อย่างเหมาะสมกับลักษณะงาน จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิดการสึกหรอเกินจำเป็น ส่งผลให้มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และลดความถี่ในการซ่อมแซม

ในทางกลับกัน หากเลือกระบบไม่เหมาะสม เช่น ใช้เครื่อง Air-Cooled ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงตลอดปี หรือเลือกรุ่นที่มีขนาดเล็กเกินไปสำหรับภาระโหลดที่ต้องรับผิดชอบ จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินกำลัง เสื่อมสภาพเร็ว และสิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น

ความคุ้มค่าระยะยาวจาก Chiller โดย Siam seimitsu

เครื่องชิลเลอร์แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันทั้งในด้านระดับความเย็นที่รองรับ โครงสร้างระบบภายใน รวมถึงเทคโนโลยีการระบายความร้อน ซึ่งล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ ความเข้าใจในคุณสมบัติและข้อจำกัดของแต่ละประเภทจึงมีความสำคัญต่อการเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับลักษณะของ

โรงงานและสภาพแวดล้อมจริง เพราะหากเลือกระบบไม่สอดคล้องกับภาระโหลดหรือเงื่อนไขการทำงาน อาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งในด้านพลังงาน การบำรุงรักษา และความเสถียรของกระบวนการผลิต

การเลือกใช้เครื่องชิลเลอร์จึงควรมองในภาพรวมของระบบมากกว่าต้นทุนเริ่มต้น โดยพิจารณาทั้งความเสถียรของอุณหภูมิ คุณภาพของผลผลิต ต้นทุนพลังงานในระยะยาว ตลอดจนการออกแบบและพื้นที่ติดตั้งให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง เมื่อองค์ประกอบเหล่านี้ได้รับการวางแผนอย่างครบถ้วน เครื่องชิลเลอร์จะทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักร ลดภาระพลังงาน และสนับสนุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

ระบบชิลเลอร์จาก Siam seimitsu ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงหลักการดังกล่าว เพื่อมอบสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า และความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว

ติดต่อเรา

Tel : 082 – 721 – 5566