ตัวกรองอากาศ (Air Filter) คืออุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่มีหน้าที่ช่วยในการกรองสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทั้งอนุภาคขนาดเล็กไปจนถึงอนุภาคขนาดใหญ่ในระบบเครื่องกรองอากาศ ทำให้ตัวกรองอากาศได้รับความนิยมในการใช้งานทั้งภายในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน โดยตัวกรองอากาศที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพในการกรองสิ่งสกปรกเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้กรองไอน้ำ ละอองน้ำ กรองได้แม้กระทั่งกลิ่นอับกลิ่นเหม็นกลิ่นตกค้างจากกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมได้อีกด้วย

ตัวกรองอากาศในอุตสาหกรรมต่างกับตัวกรองอากาศทั่วไปอย่างไร?

แม้ว่าตัวกรองอากาศจะใช้งานได้ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน แต่ตัวกรองอากาศทั้งสองต่างมีคุณสมบัติและประสิทธิภาพในการกรองอากาศที่ไม่เท่ากัน โดยตัวกรองอากาศในภาคอุตสาหกรรม (Industry Air Filter) จะมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการกรองสิ่งสกปรก สารเคมี ของเหลวอันเกิดจากกระบวนการผลิต อาทิ น้ำมัน ไอน้ำ ไอไขน้ำมัน และกลิ่นต่าง ๆ ได้ครบถ้วน เพราะชุดตัวกรองอากาศอุตสาหกรรมจะประกอบไปด้วยตัวกรองอากาศ 4 ชั้น ได้แก่ ตัวกรองน้ำ ตัวกรองน้ำ ตัวกรองฝุ่นละออง ตัวกรองไอน้ำมัน และตัวกรองกลิ่น

ในขณะที่ตัวกรองอากาศทั่วไปมักจะมาในรูปแบบแผ่นกรองอากาศเสียมากกว่า นิยมใช้ในระบบปรับอากาศตามบ้านเรือน ซึ่งกรองได้แค่เศษฝุ่นละออง และตัวกรองอากาศในเครื่องกรองอากาศขนาดเล็กจะไม่สามารถกรองของเหลวในกลุ่มน้ำมัน ไอน้ำมัน และสารเคมีต่าง ๆ ได้ เพราะประกอบไปด้วยแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น ได้แก่ Pre-Filter แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter และ Carbon Filter

ทำไมคุณภาพของตัวกรองอากาศ (Air Filter) จึงเป็นสิ่งสำคัญในภาคอุตสาหกรรม

ตัวกรองอากาศทั่วไปไม่สามารถนำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมจะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพในการกรองอากาศ ความทนทานต่อการใช้งานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นแรงดันในกระบวนการผลิตลมอัด ตลอดจนระดับอุณหภูมิและความชื้นที่มีความแปรผันอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องใช้ตัวกรองอากาศอุตสาหกรรมที่มีคุณสมบัติในด้านความแข็งแรงและความทนทานต่อการกัดกร่อน ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพเยี่ยม บางรุ่นอาจใช้แกนที่ผลิตจากวัสดุสเตนเลส ทำให้สามารถรองรับระดับความร้อนความชื้นสัมพันธ์ได้สูง และยังคงประสิทธิภาพในการกรองอากาศได้เต็มที่โดยที่แรงดันไม่มีตกหรือตกน้อยที่สุด คุ้มค่าและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าตัวกรองอากาศทั่วไป

หากไม่เปลี่ยนตัวกรองอากาศ (Air Filter) เมื่อใช้งานจนครบตามกำหนดเวลาจะเกิดอะไรขึ้น?

ตัวกรองอากาศอุตสาหกรรมก็เหมือนอุปกรณ์ใช้งานทั่วไปที่มีอายุตามกำหนดเวลาใช้งาน มีโอกาสที่จะชำรุดได้เช่นกันหากใช้งานหนักจนเกินไป และขาดการซ่อมบำรุงรักษาที่ถูกต้อง หากครบอายุการใช้งานแล้วไม่เปลี่ยน จะทำให้ประสิทธิภาพในการกรองสิ่งสกปรกภายในเครื่องกรองอากาศลดลง อาจทำให้เครื่องกรองอากาศชำรุดเสียหายได้ รวมถึงคุณภาพในระบบลมอัดเสื่อมถอยลง และระบบการทำงานภาพรวมในอุตสาหกรรมจะใช้พลังงานสิ้นเปลืองมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

คุณจะทราบได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนตัวกรองอากาศ (Air Filter) ในอุตสาหกรรมแล้ว?

หากเป็นเครื่องจักรและเครื่องกรองอากาศอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพสูง จะมีระบบแจ้งเตือนการเปลี่ยนตัวกรองอากาศให้อยู่แล้ว หากเจอสัญญาณแจ้งเตือนให้เปลี่ยนตัวกรองอากาศก็สามารถดำเนินการเปลี่ยนใหม่ได้เลย แต่หากไม่มีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติให้ สามารถสังเกตได้จากสัญญาณบ่งชี้ เช่น ตัวกรองในสายมีแรงดันตกเกินค่าที่ตั้งไว้ หรือทำการตรวจเช็กสภาพความพร้อมแล้วพบว่าตัวกรองอากาศเริ่มชำรุด มีสิ่งสกปรกอุดตันมากจนเกินไปแล้วให้ดำเนินการเปลี่ยนใหม่ทันที

ตัวกรองอากาศ (Air Filter) ประสิทธิภาพสูง ยกระดับคุณภาพของระบบอัดอากาศ ปรึกษา บริษัท สยาม เซมิตซึ

ตัวกรองอากาศอุตสาหกรรมที่ทางบริษัท สยาม เซมิตซึ จำกัด จำหน่ายจะเป็นตัวกรองอากาศคุณภาพสูงจากแบรนด์ ORION ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในด้านมาตรฐานในระดับสากล ISO มีการทดสอบจากโรงงานในญี่ปุ่นว่ามีประสิทธิภาพการกรองสูงสุด สามารถกรองสิ่งสกปรกอนุภาคขนาดเล็ก 1 ไมครอนได้ละเอียดถึง 99.999 เปอร์เซ็นต์ กรองได้ครบหมดทั้งน้ำ ฝุ่นละออง ไอน้ำมัน น้ำมัน และกลิ่น ที่สำคัญตัวกรองอากาศ ORION ยังถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้สามารถปรับใช้ติดตั้งและทำงานร่วมกับเครื่องอัดอากาศ ปั๊มลมในอุตสาหกรรมรุ่นต่าง ๆ เข้ากันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ท่านใดสนใจ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของบริษัท สยาม เซมิตซึ จำกัด ยินดีให้บริการ

บริษัท สยาม เซมิตซึ จำกัด ตัวแทนจำหน่าย นำเข้า และให้บริการสินค้าแบรนด์ “ORION” ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เว็บไซต์ : https://www.siamseimitsu.co.th/air-filter/